วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

บทที่ 7 โมเด็มและการ์ดแสดงผล


7.1  บทนำ

    โมเด็ม หรือ Modem มีหน้าที่หลักคือทำการแปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นสัญญาณเสียง  และแปลงสัญญาณเสียงกลับมาเป็นสัญญาณดิจิตอล  หรือทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณเสียง เพื่อให้ส่งออกไปทางคู่สัญญาณโทรศัพท์ๆได้ โดยที่ปลายทางก็จะมี Modem  ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงที่ได้ กลับมาเป็นข้อมูลต่าง ๆ เหมือนเดิม

7.2  การติดต่อสื่อสารของโมเด็ม

      
  
      เมื่อคอมพิวเตอร์ส่งสํญญาณดิจิตอลผ่านโมเด็ม  โมเด็มก็จะทำการแปลงสัญญาณดิจิตอลนั้นให้กลายเป็นสัญญาณอนาล็อก เราเรียกวิธีการนี้ว่าการโมดูเลต  แล้วจึงส่งสัญญาณที่โมดูเลตแล้วนั้นไปที่สัญญาณโทรศัพท์เมื่อถึงปลายทาง โมเด็มฝั่งผู้รับก็จะทำการเปลี่ยนสัญญาณอนาล็อกให้กลายเป็นสัญญาณดิจิตอลอีกครัั้ง ซึ่งเราเรียกวิธีการนี้ว่า การโมดูเลต

7.3  มาตรฐานต่าง ๆ ของโมเด็ม
      สมัยแรก ๆ โมเด็มที่ใช้งาน  จะมีความเร็วแค่เพียง 1200 bps  เท่านั้น  และได้มีการพัฒนาความเร็วให้มากขึ้นไปเรื่ิอย ๆ จนถึงปัจจุบัน  ความเร็วของโมเด็มจะอยู่ที่ 56 Kbps 


7.4  การแบ่งประเภทของโมเด็ม
      
       สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
       1. Internal
       2. External
       3. PCMPIA

7.5  การเลือกใช้งานโมเด็ม

1. การเลือกซื้อ Modem จะต้องดูว่าใช้กับเครื่องคอมฯ รุ่นไหน Notebook หรือ Desktop
2. ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนว่ามี COM port ว่างหรือไม่
3. ความเร็ว - มีหน่วยเป็น Kbps กิโลบิตต่อวินาที ปัจจุบันเราควรเลือกที่ความเร็ว 56Kpbs
4. การอัปเกรด - ตรวจสอบดูด้วยว่า ในอนาคตสามารถอัปเกรดความสามารถใหม่ ๆ ได้หรือไม่ เช่น ความเร็ว เป็นต้น
5. โปรแกรมที่แถมว่า - นอกจาก driver ที่จำเป็นต้องมีแล้ว ควรสอบถามโปรแกรมการใช้งานอื่น ๆ ด้วย เช่น โปรแกรมส่งแฟ็กซ์ เป็นต้น
6. คุณสมบัติด้านเสียง - โมเด็มบางรุ่นมีคุณสมบัติด้านเสียงเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งอาจทำให้เราสามารถนำไปใช้ในระบบ Answering Machine
7. 
รองรับการทำงานวินโดวส์เวอร์ชั่น 95 , 98 , 2000 , และ XP

8. ถ้ามีความชำนาญเลือกแบบ Internal แต่ถ้ามือใหม่เลือกแบบ External
9. เลือกยี่ห้อที่ดี มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศรับประกันยาว 3 - 5 ปียิ่งดี เช่น Diamond Supra , Aztech , US robotic , Jaton , Intel ,GVC

10. 
เลือกพอร์ตแบบ parallel Port

7.6 การติดตั้งโมเด็ม


การติดตั้งโมเด็ม (ถ้ามีการติดตั้งโมเด็มอยู่แล้วท่านข้ามขั้นตอนนี้ได้เลย)
โดยทั่วไปโมเด็มแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Internal และ External และมีขั้นตอนในการติดตั้งดังนี้

ขั้นตอนการเตรียมและติดตั้งอุปกรณ์ อุปกรณ์ที่จำเป็นประกอบด้วย
1. โมเด็ม และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น เช่น สายสัญญาณ , ตัวแปลงไฟ , ไดรว์เวอร์
2. โทรศัพท์สายตรง 1 หมายเลข
ต่อสายโมเด็มเข้าด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยต่อเข้ากับพอร์ต com1, com2 หรือ LPT1 อย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อสายโทรเข้ากับโมเด็มตรงช่อง Line ในกรณีที่ท่านต้องการรับโทรศัพท์สายนอกที่โทรเข้ามาให้ท่านต่อ สายโทรศัพท์อีกเส้นจากตัวโทรศัพท์ไปที่โมเด็มตรงช่อง Phone (หมายเหตุ ถ้าท่านกำลังใช้อินเตอร์เน็ตอยู่แล้วมีคนโทรเข้ามา จะมีผลให้การติดต่ออินเตอร์เน็ตหลุดทันที) เสร็จแล้วให้ต่อตัวแปลงไฟ (adapter) และเสียบปลั๊กพร้อมเปิดสวิชต์โมเดมให้เรียบร้อย เมื่อต่ออุปกรณ์ต่างๆ เสร็จแล้วให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการติดตั้ง Driver (Software Modem) มีดังนี้
- เรียกหน้าต่าง Control Panel ขึ้นมาโดยคลิกปุ่ม Start > Settings > แล้วเลื่อนเมาส์มาที่ Control Panel คลิกเมาส์หนึ่งครั้ง สำหรับผู้ที่ใช้ Windows 95 หรือ 98 ก็ทำลักษณะเดียวกัน
- หลังจากเข้ามาในหน้าต่าง Control Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Add New Hardware สำหรับผู้ที่ใช้วินโดวส์ 95 หรือ 98 ถึงแม้หน้าต่างของ Control Panel จะแตกต่างออกไปแต่ยังใช้ไอคอนเดียวกัน
- หลังจากนั้นจะขึ้นหน้าต่างในการเตรียมพร้อมเพื่อติดตั้งให้คลิกเมาส์ปุ่ม Next > ดังรูป 1.3 เสร็จแล้ววินโดวส์จะขึ้นหน้าต่างใหม่ขึ้นมาเพื่อแจ้งว่าวินโดว์จะค้นหาฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่แล้วบนเครื่องของท่านให้คลิกปุ่ม Next >
- ถ้าวินโดว์เจอฮาร์ดแวร์ที่อยู่บนเครื่องของท่านและยังไม่ได้ติดตั้งไดรว์เวอร์ วินโดว์จะขึ้นหน้า
จอถามว่าท่านต้องการติดตั้งฮาร์ดแวร์ที่วินโดว์เจอหรือไม่ ซึ่งจะมีช้อยให้เลือกว่า จะตอบ No หรือ Yes ให้ท่านตอบ No แล้วคลิกปุ่ม Next >
- เสร็จแล้วจะขึ้นหน้าต่างถามว่าท่านต้องการให้วินโดว์ค้นหาฮาร์ดแวร์ที่จะติดตั้งหรือไม่ ให้ตอบ No แล้วคลิกปุ่ม Next >
- หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างให้เลือกว่า ท่านจะติดตั้งอะไร ให้เลือก โมเด็ม แล้วคลิกปุ่ม Next >
- หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างให้เลือกชนิด และความเร็วของโมเด็ม แต่ให้คุณคลิกปุ่ม Have Disk
เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next> จะเห็นหน้าต่างที่แสดงถึงการเสร็จสิ้นการติดตั้งแล้วให้คลิกปุ่ม Finish ถือว่าจบขั้นตอนการติดตั้ง Modem แต่หน้าจอถามให้ใส่รายละเอียดของ ประเทศ ให้เลือกประเทศไทย และหมายเลข Area Code คือ 02 เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next>
เสร็จแล้วจะมีหน้าต่างขึ้นมาเพื่อบอกว่าท่านได้ทำการติดตั้งโมเด็มเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Finish ถือว่าเสร็จขั้นตอน

7.7  การ์ดแสดงเสียง (Sound Card)


  เสียงเป็นส่วนสำคัญของระบบมัลติมีเดียไม่น้อยกว่าภาพ ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นอุปกรณ์ จำเป็นที่สำคัญของระบบ คอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย การ์ดเสียงได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างรวดเร็วเพื่อ    ให้ได้ประสิทธิภาพของเสียงและความผิดเพี้ยน น้อยที่สุด ตลอดจนระบบเสียง 3 มิติในปัจจุบัน
                 ความชัดเจน ของเสียงจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และ ความแม่นยำ ของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนด โดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความ ละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณ ค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูก กำหนด โดยจำนวนบิตของสัญญาณดิจิตอลเอาต์พุต เช่น
                 - A/D Converter 8 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ
                 - A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ
                หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของสัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย

7.8  ชนิดของการ์ดแสดงเสียง

ชนิดของการ์ดเสียง (Sound Card) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแบ่งชนิดออกตามอดีตถึงปัจจุบัน ได้แก่

1. การ์ดเสียง (Sound Card) แบบ ISA  ซึ่งผลิตออกมานานแล้วจะใช้ร่วมกับเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่มีสล็อต ISA  ระบบเสียงยังไม่ได้คุณภาพ  แต่ก็เป็นการ์ดเสียง ที่ได้รับการนิยมในสมัยอดีด แต่ในปัจจุบันการ์ดเสียงแบบ ISA ไม่มีแล้ว
ชนิดของการ์ดเสียง (Sound Card) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแบ่งชนิดออกตามอดีตถึงปัจจุบัน

2. การ์ดเสียง (Sound Card) แบบ PCI  เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถสังเคราะห์เสียงได้อย่างมีคุณภาพและมีราคาไม่แพงมากแต่ก็มีราคาแพงในบางรุ่น สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ
3. การ์ดเสียง (Sound Card) แบบ External  ชนิดของการ์ดเสียง (Sound Card) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท แต่ที่จัด การ์ดเสียง (Sound Card) แบบ External ออกเป็นประเภทที่ 3 ก็เพราะว่าการ์ดเสียงแบบนี้เริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น  อีกทั้งยังมีการติดตั้งที่แตกต่างจาก การ์ดเสียง (Sound Card) ที่บอกมาข้างต้นด้วย โดยสามารถที่จะติดตั้งโดยผ่านทางพอร์ต USB ทำให้ในการใช้งานนั้นสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

7.9  การติดตั้งการ์ดแสดงเสียง

1. เสียบแผ่นการ์ดลงในสล็อต แล้วค่อยๆออกแรงกดเบาๆ
2. ขันน็อตยึดการ์ดเสียงเข้ากับตัวเคส
3. ต่อสายสัญญาณของการ์ดเสียง โดยนำสายที่ต่ออยู่กับ ซีดีรอมไดรว์ตรงช่อง Analog Audio มาเสียบเข้าที่คอนเน็คเตอร์ CD-INของการ์ดเสียง


7.10  การเลือกซื้อการ์ดเสียง

การพิจารณาเทคโนโลยี ที่สนับสนุน เนื่องจากมาตรฐาน ของเทคโนโลยี ทางด้านการ สังเคราะห์ เสียง ได้พัฒนา ไปจากแต่เดิม ซึ่งปัจจุบัน เน้นมาให้ ความสำคัญ กับระบบเสียง 3 มิติที่มีความลึก และ ความกว้าง ให้เสียงที่สมจริง ระบบเสียง 3 มิตินี้ ถูกออกแบบมา เพื่ออรรถรส ในการเล่นเกมส์ โดยเฉพาะ ดังนั้น หากคุณ ไม่ใช่คอเกมส์ โดยตรง ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก เพราะแผ่น CD เพลงทั่วไป ไม่ได้รองรับ การเล่นเพลง แบบ 3 มิติ เท่าไหร่ ปัจจุบัน ดูเหมือนว่า มาตรฐาน ของระบบเสียง 3 มิติ จะโอนเอียงมาทางฝั่งไมโครซอฟต์ หลังจาก ที่ไมโครซอฟต์ ใช้ Windows มาเป็นกรอบในการสร้างมาตรฐานต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่เรา ต้องดูพื้นฐาน นั่นก็คือรอบรับมาตรฐาน Direct Sound 3 D หรือไม่ จากนั้นจึงมาดูกันว่า เทคโนโลยีระบบเสียง 3 มิติ ตัวใดกันบ้างที่เราควร จะหยิบมาพิจารณา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น